วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทักษะการเป็นนักแปลที่ดี - เลือกหัวข้อที่คุณจะแปล


จากบทความที่แล้วเรากล่าวกันไปแล้วนะครับ ถึงอุปนิสัยของนักแปลที่ประสบความสำเร็จข้อสองก็คือ การหมั่นหาความรู้ บทความนี้ เป็นข้อที่คล้ายๆกันครับ การที่คุณจะแปลเอกสารได้ดีนั้น นอกจากหมั่นหาความรู้ในภาษาที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คุณยังต้องหมั่นค้นหา หัวข้อที่คุณต้องการแปลเฉพาะที่จะทำให้คุณมีชื่อเสียงโด่งดังได้ด้วย 

ประมาณว่า ถ้าจะแปลเรื่องนี้ต้องนึกถึงคุณเท่านั้น การที่จะไปถึงจุดนี้ได้ ต้องอาศัยการขวนขวายหาความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างหนักหน่วงเลยครับ โดยปกตินั้น ไม่ว่าคุณจะมีความรู้ทางด้านภาษาระดับเทพเจ้าขนาดไหน ก็ไม่สามารถแปลเอกสารได้ถูกต้องยอดเยี่ยมไปทุกหัวข้อนะครับ เช่น จะมีวิศวกรสักกี่คนที่ แปลกฎหมายได้ดีเยี่ยม หรือจะมีคนที่เชี่ยวชาญด้านการแปลโฆษณา นวนิยาย สักกี่คน ที่พอให้เอกสารด้าน IT ไปแล้วก็ยังสามารถแปลได้ถูกต้องคล่องแคล่ว ไร้ที่ติ 

เห็นไหม น้อยนะครับ เพราะฉะนั้นการเลือกรับแปลเอกสาร ถ้าไม่ได้อดอยากปากแห้งอะไร คุณคงจะต้องเลือกรับเฉพาะบางหัวข้อที่คุณเชี่ยวชาญ และสามารถแปลได้ดี เพื่อสงวนชื่อเสียงของคุณไว้ ทำมาหากินในวงการแปลเอกสารได้ในระยะยาวครับ
การเลือกหัวข้อที่คุณจะแปลนั้น จริงๆแล้วง่ายมาก มาจากมันก็มาจากเหตุผลใหญ่ๆสามประการด้วยกันก็คือ

1. ประสบการณ์ทำงาน คนส่วนมาก รับแปลเอกสาร เป็นงานอดิเรก หรือรายได้เสริมครับ แล้วส่วนมากก็จะรับหัวข้อตามงานที่ทำ เช่นนักบัญชี ก็จะรับแปลงานทางด้านบัญชี หรือทนายก็จะรับแปลเอกสารด้านกฎหมาย เป็นการนำประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญส่วนตัวมาต่อยอดหารายได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ว่าได้ในการ ใช้ทักษะมาหากินเพิ่มเติมครับ 

2. ความสนใจความสนใจส่วนตัว ทำให้คุณเพิ่มขีดความสามารถในการแปลเอกสารของคุณได้มากยิ่งขึ้นกว่าหัวข้อที่คุณเรียนมาครับ เพราะมันจะทำให้คุณสนใจหัวข้อนั้น อ่านหัวข้อนั้นบ่อย และมีความรู้รอบตัวในเรื่องนั้นๆ และแน่นอน ทำให้คุณแปลเอกสารในหัวข้อนั้นๆได้อย่างเชี่ยวชาญ ถูกต้องและไม่เคอะเขิน หาดิกทุกคำ เสียเวล่ำ เวลาแต่อย่างใด 

3. การศึกษา - พื้นฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน จบอะไรมารู้ทางด้านไหนก็แปลไปด้านนั้น หากคุณจบมาทางด้านภาษา คุณก็แปลอะไรที่เป็นภาษาศาสตร์ล้วนๆไป  หากจบวิศวะ หรือไอทีก็แปลงานเกี่ยวกับด้านนั้นๆไปครับ
หากคุณเป็นคนที่แปลงานด้านนั้นได้เก่งจริงๆแล้ว ผมรับรองเลยครับว่า คุณจะมีงานแปลเอกสารไหลมาเทมาอย่างแน่นอน ในเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ และที่สำคัญ คุณยังสามารถขึ้นค่าตัวได้ด้วย เพราะการแปลเอกสารนั้น สุดท้ายแล้วคุณภาพก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ยังมีบริษัทใหญ่ๆอีกมากมายที่ยินดีจ่ายแพงกว่า เพื่อให้งานแปลที่ออกมามีคุณภาพดีกว่านั่นเองครับ

ทักษะการเป็นนักแปลที่ดี - หมั่นหาความรู้ใหม่ๆ


น้องๆหลายคนชอบถามว่าอยากเป็นนักแปลเอกสาร ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง การเป็นนักแปลเอกสารที่ดีต้องอาศัยทักษะหลายๆด้าน บทความที่แล้วเรากล่าวถึงทักษะด้านภาษา บทความนี้เราจะกล่าวถึงการหมั่นหาความรู้นะครับ
หนทางที่จะทำให้คุณมีอาชีพเป็นนักแปลเอกสารเต็มตัวได้ วิธีแรกคือแตกฉานในภาษาที่ต้องการแปล วันนี้จะมากล่าวถึงวิธีที่สองนะครับ วิธีที่สองก็คือ นอกจากคุณจะแตกฉานในภาษาที่คุณจะแปลแล้ว คุณจะต้องหมั่นหาความรู้ใหม่ๆในภาษานั้นๆ สม่ำเสมอด้วย

เพราะภาษาไม่ใช่คณิตศาสตร์ครับ ภาษาไม่ใช่ฟิสิกส์ ไม่มีแรงโน้มถ่วง อย่าคิดว่านี่เป็นข้อเสีย ผมจะบอกได้เลยว่า ความไม่แน่นอนของภาษานี่แหละ เป็นบุญของนักแปลเอกสารอย่างเราๆที่สุดแล้ว ในยุคเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว คอมพิวเตอร์คิดเลขแทนเราได้แล้ว คอมพิวเตอร์พิมพ์งานแทนเราได้แล้ว คอมพิวเตอร์วาดรูปแทนเราได้แล้ว แต่คอมพิวเตอร์ยังแปลเอกสารแทนเราไม่ได้ครับ 

จงภูมิใจนะครับว่า พวกเรายังมีงานทำไปได้อีกนาน แสนนานไม่เหมือนงานหลายงานของมนุษย์ที่คอมพิวเตอร์แย่งงานไปได้หมดแล้วไม่อย่างนั้น ป่านนี้คุณโดน Google Translate หรือบรรดาโปรแกรมแปลเอกสารต่างๆ แย่งงานกันไปหมดแล้วครับ แต่ปัจจุบันคุณก็จะเห็นด้วยกับผมว่า บรรดา โปรแกรมแปลเอกสารทั้งหมดที่คิดค้นกันขึ้นมาบนโลกนี้ ตั้งแต่พื้นฐาน อย่าง Google Translate จนถึงระดับเทพจุติอย่าง Trados ก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของสมองมนุษย์ อย่างมากก็ทำได้แค่เพียงช่วยเตือนความให้เราแปลคำได้เหมือนกันๆมากว่า เป็นตัวช่วยในการแปลเอกสารเท่านั้น 

ภาษามีคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางคำก็มาเร็วไปเร็ว บางคำก็เป็นศัพท์วัยรุ่นนิยมใช้ในอินเตอร์เน็ต ดังเพียงข้ามคืน เช่น แก่ ใจดี สปอร์ต กทม-เงียบ สงสัยไม่ช็อต หรืออย่างคำไทยๆ ว่าจุงเบย ที่มันฮิต (กันได้อย่างไรก็ไม่รู้) ถ้าคุณไม่ใช่คนไทยแล้วไม่เคยอ่านในเนทพวก fanpage ก็งง เป็นไก่ตาแตกแน่เลยว่าจะแปลเป็นอะไรดี 

ผมยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ หากคุณเป็นนักแปลเอกสารภาษาเกาหลีแล้ว บรมเชย ไม่เคยรู้จัก คำว่า กังนัม สไตล์เลย เมื่อไปเจอคำนี้เข้า แทนที่คุณจะใช้ทับศัพท์ไปว่าเพลง กังนัมสไตล์ คุณอาจรู้ลึกแปลไปว่า ย่านหรูหราของเกาหลี เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นได้ว่า ในงานแปลเอกสารนั้น คุณจำเป็นต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ความรู้ตัวเองอยู่เสมอ 

อัพเดตตัวเองง่ายๆ ก็คือการอ่านแล้วติดตาม สิ่งพิมพ์ข่าวสาร โทรทัศน์ ต่างๆ ในภาษาที่เราต้องการจะแปลไม่ว่าจะเป็น รายการทีวี นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ต่างๆ เป็นสิ่งที่นักแปลเอกสารจะขาดไม่ได้ในการติดตามความเปลี่ยนแปลงไปของภาษา

เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ เช่นกันนะครับ ไม่อย่างนั้นจะดิ้นตามภาษาไม่ทันแล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็นนักแปลเอกสารตกยุค แปลได้แต่นวนิยาย วรรณคดี โบราณ ที่ไม่มีใครต้องการแล้วนั่นเองครับ ยังมีอีกหลายขั้นตอนเลยนะครับ สำหรับการเป็นนักแปลเอกสารที่ดี และที่เด่น ตอนหน้าเรามาว่ากันถึง ความจำเป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกันก็คือ ความรู้รอบตัวครับ

ทักษะการเป็นนักแปลที่ดี - ทักษะด้านภาษา


ในบทความนี้จะแนะนำทักษะการเป็นนักแปลที่ดี ซึ่งการเป็นนักแปลที่ดีนั้นต้องอาศัยทักษะหลายๆด้านรวมกัน สิ่งแรกคือ ทักษะด้านภาษา อันนี้แน่นอนครับ ร้อยทั้งร้อย ถ้าคุณจะเป็นนักแปลเอกสารแล้วคุณไม่มีความรู้ทางด้านภาษาที่คุณจะแปลอย่างช่ำชอง และอยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้วล่ะก็ จะมาเป็นนักแปลได้อย่างไร ความรู้ที่ผมว่า คงไม่ใช่เด็กระดับหัดแปลทั่วไป แบบ ไม่เป็นไร คำไหนไม่ได้
จากประสบการณ์นับสิบปีของผมที่ผ่านมา ต้องขอบอกว่าเป็นส่วนน้อยจริงๆ ที่สามารถแปลเอกสารเป็นอาชีพหลักอาชีพเดียว แล้วไม่ทำอะไรอย่างอื่นอีกเลย สาเหตุหลักๆนั้นไม่ใช่ว่า งานแปลมันน้อย หรืองานแปลเอกสารมันไม่ทำเงิน แต่เป็นเพราะคุณไม่เก่งจริง และยังมีทัศนคติที่ไม่ถูกต้องบางอย่างเกี่ยวกับการแปลนั่นเอง 

ใครๆก็อยากจะเป็นนักแปลเอกสาร เห็นมาร้อยทั้งร้อยก็บอกว่า รายได้ดี สามารถอยู่กับบ้านเฉยๆ ก็มีคนส่งงานแปลมาให้ทำได้รายได้ บางคนอยู่กับบ้านเฉยๆฝีมือดีในงานแปลเอกสารเฉพาะทางเหล่านั้น ก็สามารถทำงานนี้งานเดียวส่งลูก ส่งหลาน ส่งภรรยา (หรือสามี) เรียนได้สบายๆ แต่ก็จะบอกว่า นั่นคือส่วนน้อยครับ วันนี้ผมจึงจะมาบอกให้คุณทุกคนฟัง (อ่าน) กันครับ ว่าหากใฝ่ฝันอยากจะมีอาชีพอิสระ คืออาชีพนักแปลเอกสารกันจริงๆ แล้วเราต้องมีอะไรบ้าง และเราจะต้องเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง ทักษะด้านภาษาถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญมากในอาชีพนักแปลเอกสาร

หากเราขาดทักษะด้านภาษาที่ดีพอ และคิดว่าหากแปลเอกสารก็เปิดดิกหรือหาจาก Google เอา อันนั้นใครๆก็ทำได้ครับ แล้วคุณจะโดดเด่นในสายอาชีพได้อย่างไร งานที่คุณทำออกมามันจะจับจิตจับใจผู้รับได้อย่างไรครับคุณมีหลักการอย่างไร จะเชื่อ Google ได้อย่างไรครับ? ถูกไหม เพราะ Google ก็เป็นการที่คนอื่นเอาข้อมูลขึ้นบนเว็บไซต์เหมือนกัน จะเอาผลงานแปลเอกสารของคุณไปแขวนอยู่กับเขาหรือ (จะกล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป) 

และถ้าคุณทำได้ในสิ่งที่ใครๆก็ทำได้ แล้วที่บอกว่าตรงไหนที่แปลไม่ออกก็หาเอาจาก Google นั้น เพราะฉะนั้น ผมอยากจะบอกตรงนี้ครับว่า รู้เองดีที่สุด เชี่ยวชาญเองดีที่สุด มีความรู้ในภาษานั้นๆเองดีที่สุด ยิ่งหากคุณรู้ภาษาที่คุณจะแปลเป็นหลัก และมีความรู้ภาษาใกล้เคียงเสริมด้วยแล้วจะได้เปรียบในการแปลเอกสารเป็นอย่างมาก เช่น หากคุณรู้ภาษาอังกฤษ อย่างแตกฉาน และรู้ภาษาฝรั่งเศสบ้างนิดหน่อย ทำไมน่ะเหรอครับ เพราะหลายครั้งที่คุณจะพบเห็นศัพท์ เฉพาะบางคำที่เป็นภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาใกล้เคียง ตายล่ะ หาในดิกก็ไม่เจอ จะทำอย่างไร คุณอาจจะไม่ต้องรู้ความหมายก็ได้ แค่คุณทราบว่า อ๋อ ไอ้หน้าตาอย่างนี้ภาษาฝรั่งเศส คุณก็หาความหมายหรือมีวิธีการตีความของคุณจากแหล่งการค้นคว้าได้ 

สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์ล้วนๆ ที่จะทำให้คุณเหนือว่านักแปล Google หรือนักแปลสมัครเล่นทั่วๆไป หมั่นหาความรู้ในภาษาที่คุณต้องการแปลไว้ครับ เพราะศัพท์ใหม่ๆมีมาเสมอ มันจะทำให้คุณไม่ตกกระแส และเป็นนักแปลเอกสารที่โดดเด่นในสายตาลูกค้าได้